ประเภทของน้ำมันเครื่อง
น้ำมันแร่ เป็นน้ำมันที่แยกตัวจากการกลั่นน้ำมันดิบ ใช้ผสมกับการเคมี หรือ ADDITIVE อื่นๆเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการหล่อลื่น
น้ำมันแร่ + น้ำมันสังเคราะห์
น้ำมันสังเคราะห์ เกิดจากการผสมสารเคมีต่างๆ ให้ออกมาเป็นน้ำมันหล่อลื่นสามารถสร้างสูตรหรือส่วนผสมเฉพาะตัวได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับผลลัพท์ที่ต้องการ
FULLY SYNTHETIC
น้ำมันสังเคราะห์ 100%
POLYALPHAOLEFIN (PAO)
มีสภาพเป็นประจุต่ำ จุดเดือดสูงไม่ระเหยง่าย หล่อลื่นได้ดีกว่าน้ำมันสังเคราะห์ทั่วไป
ESTER
สามารถจับตัวจับเหล็กได้ดีเยี่ยม ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด จุดเดือดสูง ให้ความเสถียรกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ
มาตรฐานน้ำมันเครื่องสากล
JAPAN RATING
เทียบมาตรฐานจากค่าแรงเสียทาน
JASO
คลัชแห้ง (ออโต้)
JASO MB
คลัชเปียก (มีเกียร์)
JASO MA
JASO MA1
JASO MA2 (best)
USA RATING
เทียบมาตรฐานจากการทดสอบด้านต่างๆทาน
API
API SG
API SH
API SJ
API SL
API SM
API SN (best)
มาตรฐานค่าความหนืด SAE
ค่า ความหนืดน้ำมันเครื่อง ตามค่ามาตรฐานของ SAE (The Society of Automotive Engineer) หรือสมาคมวิศวกรยานยนต์ ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัย และวางกฎเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ของสหรัฐอเมริกา ได้กำหนดมาตรฐาน ซึ่งจะประกอบด้วยตัวเลข 2 ชุด คือ SAE XW-XX
จะแสดงถึง การวัดค่ามาตรฐานในเขตหนาว (สัญลักษณ์ W- Winter Grade) จะเป็นการวัดค่าความต้านทานการเป็นไขของน้ำมันเครื่อง โดยวัดตั้งแต่อุณหภูมิที่ 20 องศาเซสเซียส ต่ำลงมาจนถึงจุดเยือกแข็งตั้งแต่ 0 จนถึง -30 องศาเซสเซียส ตัวเลขค่าต่างๆจะสรุป ได้ดังนี้คือ
- 0W คือ ความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซสเซียส โดยไม่เป็นไข
- 5W คือ ความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซสเซียส โดยไม่เป็นไข
- 10W คือ ความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซสเซียส โดยไม่เป็นไข
- 15W คือ ความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซสเซียส โดยไม่เป็นไข
- 20W คือ ความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซสเซียส โดยไม่เป็นไข
จะแสดงถึง การวัดค่า ความหนืดน้ำมันเครื่อง ที่อุณหภูมิ 100 องศาเซสเซียส แทนค่าออกมาเป็นตัวเลขเรียกว่า เบอร์ของน้ำมันเครื่อง เช่น 30, 40, 50 ยิ่งตัวเลขมากแสดงว่า มีความหนืดน้ำมันที่มากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้วความหนืด ไม่ได้เป็นตัวบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง ดังนั้นเราจึงควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์ และสภาพการใช้งานของเรา เช่น หากรถของเราเป็นรถใหม่ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดใส(เบอร์น้อยๆ) จะช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น SAE 10W-30 เป็นต้น แต่หากรถเราเก่าแล้ว มีการใช้งานยาวนาน มีระยะทางเกินกว่า 95,000กม. และมีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดที่ข้นมากขึ้น เพื่อเพิ่มความหนาในการทำหน้าที่เป็นฟิล์มป้องกันการเสียดสีของชิ้นส่วน แถมยังช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย เช่น SAE 15W-40 หรือถ้าเก่ามากๆ ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะหลวม ควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดชนิด SAE 20W-50
ขอบคุณข้อมูลจาก www.yukonlubricants.com